สี่

ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบด้วยความตกตะลึง ฉันขบกรามแน่นแล้วหลับตาลงเมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลังอย่างจัง

ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น เกือบจะหมดสติอยู่ตรงนั้นเมื่อสบเข้ากับดวงตาสีแดงฉานดุจโลหิตของสามีที่เคยเปี่ยมด้วยความรัก คนที่ไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องตัวฉันแม้เพียงปลายนิ้ว กลับใช้มือใหญ่กำรอบลำคอและกักขังฉันไว้ระหว่างเขากับกำแพง...ต่อหน้าทุกคน

ดวงตาของเขาดำมืด...แดงฉานดุจโลหิตและจ้องเขม็งมาที่ฉัน เขาแยกเขี้ยวที่แหลมคมมากจนฉันรู้สึกราวกับว่าศีรษะจะหลุดออกจากบ่าได้ทุกเมื่อ

“บอกมาว่าเจ้ากำลังโกหก แอสเทลล่า” เสียงคำรามของเขาก้องไปทั่วโถงที่เงียบงัน

ฉันปล่อยโฮออกมา รู้ดีว่าไม่อาจโกหกต่อไปได้อีกแล้ว “ฉันไม่ได้โกหกค่ะ ฉันขอโทษ”

“เลียม เราคุยเรื่องนี้กันดีๆ ได้นะ แต่มันไม่ควรจะต้องทำร้ายเธอนี่ เธอท้องอยู่นะ” ฉันได้ยินเสียงไรอันพูดขึ้นจากด้านหลังของเขา

“แล้วนางจะมีประโยชน์อะไรกับข้า ในเมื่อในท้องของนางมีลูกของผู้ชายคนอื่นอยู่” เขาคำรามอย่างดุร้าย ส่งผลให้องครักษ์และผู้อาวุโสทุกคนที่เข้ามาจะแยกเขาออกไปจากฉันต้องผงะถอยหลัง แต่ไรอันยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม

หลังจากที่เขาทำให้ฉันลืมไปชั่วขณะว่าการหายใจเป็นอย่างไร ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือ ฉันสำลักอากาศเฮือกใหญ่แล้วทรุดลงกับพื้น เอามือแตะลำคอตามสัญชาตญาณและสัมผัสได้ถึงเลือดของตัวเองที่ไหลซึมออกมา ดวงตาของฉันเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา หัวใจเจ็บปวดจากวาจาเชือดเฉือนของเขา แต่ฉันก็โทษเขาไม่ได้

ไม่กล้าสบตาเขาหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น ฉันจึงได้แต่นั่งอยู่ที่เดิม จ้องมองพื้น

“เจ้าไปตกหลุมรักชายอื่นได้อย่างไร เราหมั้นหมายกันตั้งแต่ยังเด็ก เราสนิทสนมกันมาตลอด...กระทั่งเราได้เมทกัน มีอะไรบ้างที่ข้าไม่เคยทำให้เจ้า แอสเทลล่า ข้าเคยทำร้ายเจ้าบ้างไหม...บอกข้ามาสิ!”

ฉันตัวสั่นสะท้านใต้เสียงคำรามของเขา และรู้สึกได้ว่าเขากำลังเดินเข้ามาหาฉันอีกครั้ง ฉันทิ้งตัวลงคุกเข่า ประสานมือไว้ในท่าวิงวอน ตัวสั่นเทาและน้ำตานองหน้า

“ฉันขอโทษ... ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันรักท่านนะคะ แต่ฉันไม่ได้รักท่านแบบคนรัก ฉันชอบที่เราเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน และถูกผูกมัดให้ต้องแต่งงานกับท่าน แต่ความจริงแล้ว...”

“เจ้ามันคนทรยศ... นางแพศยาน่ารังเกียจ” เขาตวาด เสียงอุทานหลุดจากริมฝีปากฉัน เมื่อถูกกระชากผมขึ้นจากพื้นอย่างแรง “และวันนี้จะเป็นวันสิ้นสุดของเจ้ากับไอ้สารเลวน่ารังเกียจที่มันกล้ามาแตะต้องตัวเจ้า”

“อัลฟ่าเลียม!” น้ำเสียงของไรอันแฝงแววกร้าว ตามมาด้วยเสียงสูดปากและเสียงพึมพำด้วยความตกใจดังก้องไปทั่วห้อง ขณะที่เขาเหวี่ยงฉันลงไปกองกับพื้นต่อหน้าพวกเขาทุกคน

ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือโต้แย้งเขา เพราะรู้ดีว่าเวลาที่เขาโกรธนั้นเป็นอย่างไร ทุกคนจึงได้แต่มองอย่างจนปัญญา แต่ฉันก็เห็นความผิดหวังและความโกรธในแววตาของพวกเขา

ฉันโทษพวกเขาไม่ได้

“ข้าจะถามคำถามนี้แค่ครั้งเดียว... และสิ่งที่เจ้าต้องทำก็แค่เอ่ยชื่อมันออกมา ใครทำให้เจ้าท้อง แอสเทลล่า ถ้าข้าไม่ใช่พ่อ แล้วใครคือพ่อของเด็ก ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าและปล่อยให้เจ้าเก็บเด็กไว้ แต่จงมั่นใจได้เลยว่าข้าจะไม่ไว้ชีวิตไอ้สารเลวนั่น”

คำพูดของเขาทำให้ฉันหนาวสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง และบีบให้ฉันต้องเงียบปาก แต่แล้วในวินาทีต่อมา เขาก็พูดขึ้น

“แต่ถ้าเจ้ายังดึงดันที่จะไม่เปิดโปงมัน เจ้าก็คงต้องโทษตัวเองแล้วล่ะ เพราะข้าจะทำให้เจ้าได้รับโทษทัณฑ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ข้าจะเนรเทศเจ้า และเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องร่อนเร่ไปในฐานะโร้ก และเจ้าจะต้องรับมือกับพวกโร้กด้วยตัวเอง”

คราวนี้ทั้งโถงก็ระเบิดเสียงพึมพำออกมาดังกระหึ่มยิ่งกว่าเดิม ราวกับมีความขัดแย้งเงียบๆ เกิดขึ้น ผู้คนบางส่วนในฝูงชนที่หวาดกลัวแทนฉัน เพราะรู้ดีว่าพวกโร้กนั้นโหดเหี้ยมและชั่วร้ายเพียงใด ต่างวิงวอนอย่างเงียบๆ ให้ฉันยอมเปิดโปงชายคนนั้น

“เงียบ!” เลียมคำรามลั่น ทำให้ทั้งโถงกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

ในที่สุดเขาก็คุกเข่าลงข้างๆ ฉัน ฉันเห็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมบนใบหน้าขณะที่เขาส่ายศีรษะ ความผิดหวังและเจ็บปวดในดวงตาของเขาทำให้ใจฉันสลาย

“เจ้ากำลังปกป้องมันงั้นรึ มันจะมีชีวิตอยู่ ในขณะที่เจ้าต้องตาย นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการอย่างนั้นรึ” ทันใดนั้นเขาก็เขย่าตัวฉันอย่างแรง และฉันก็ทำได้เพียงร่ำไห้ “เจ้าอ้างว่าเจ้ารักมัน แต่ตัวมันรู้สึกแบบเดียวกับเจ้าหรือเปล่า ตอบข้ามา!!!”

“อัลฟ่าเลียม ได้โปรด พอได้แล้วครับ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่าเป็นไรอันอีกแล้ว เลียมลุกพรวดขึ้นมากระชากคอเสื้อของไรอันแล้วผลักเขาอัดกับผนัง ฉันรู้สึกเหมือนลมหายใจขาดห้วงไปสิ้นเชิงขณะจ้องมองพวกเขาสองคนด้วยดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและหวาดผวา

ทำไมจู่ๆ เขาถึงไปเล่นงานไรอันล่ะ หรือว่าเขารู้แล้ว?

“เจ้าเป็นลุงของนางใช่หรือไม่? ทำไมเจ้าถึงไม่รู้ว่าหลานสาวของตัวเองแอบทำอะไรลับหลังหา? แล้วนี่ยังจะมาสนับสนุนนางอีก คิดว่าข้าทำอะไรผิดถึงต้องมาเจอเรื่องน่าอัปยศอดสูจากนางแบบนี้รึ?”

ไรอันยังคงนิ่งสงบและสบตากับท่านอัลฟ่าไม่หลบ คำพูดต่อมาของเขาเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง “ข้าสังเกตเห็นว่านางมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกับองครักษ์ส่วนตัวคนก่อน แต่ข้าไล่เขาออกไปแล้ว ทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากไปหาฝูงอื่น ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าพวกเขาจะใกล้ชิดสนิทสนมกันไปแล้ว”

ความตกใจฉายชัดบนใบหน้าของฉัน ฉันซ่อนมันไว้ไม่มิดขณะจ้องมองไรอัน เขาไม่แม้แต่จะชายตามองฉันเลยด้วยซ้ำตอนที่อัลฟ่าเลียมปล่อยตัวเขาแล้วหันมาทางฉัน

ความรู้สึกถูกหักหลัง ความตกใจ และความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าของเขาปรากฏชัดเจนจนฉันกลัวตาย ฉันลุกขึ้นยืน ตั้งใจว่าจะวิ่งหนีเขาไปหากจำเป็น

แต่ไม่ว่าเขาจะรู้สึกว่าถูกหักหลังมากเพียงใด มันก็เทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกแตกสลายและแหลกละเอียดของฉันจากคำพูดของไรอันเมื่อครู่ ใช่ ฉันเคยมีองครักษ์ส่วนตัวที่เขาไล่ออกไป แต่นั่นเป็นเพราะไรอันหวงฉันและทนไม่ได้ที่จะเห็นฉันไปสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น

ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราเลย ไรอันไปโทษคนบริสุทธิ์ได้อย่างไร เขาทำกับฉันแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งหมดก็เพียงเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องปกป้องฉันอย่างนั้นหรือ ที่จริงแล้วเขาไม่ได้รักฉันเหมือนที่ฉันรักเขาเลยใช่ไหม

“ทหาร! โยนังนี่ออกไปเดี๋ยวนี้! ปล่อยให้นางไปตามหาพ่อของลูกนอกนั่นเอาเอง ถ้ามันยังไม่ตายไปแล้วล่ะก็นะ”

“ท่านอัลฟ่าครับ ข้างนอกฝนตกหนักมาก แล้วก็…”

เพียงแค่ตวัดสายตาอย่างเกรี้ยวกราดมองผู้อาวุโสคนนั้นก็ส่งผลให้เขากระเด็นถอยหลังไป พลังกดดันนั้นรุนแรงเกินกว่าจะทำให้เขาแค่หวาดกลัว

เขาหันกลับไปมองพวกทหารโดยไม่พูดอะไร เหลือบมองฉันแวบหนึ่งแล้วก็เดินขึ้นข้างบนไป

ฉันกรีดร้อง ดิ้นรน อ้อนวอน และขัดขืน แต่พวกทหารก็ลากฉันออกไปอย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานี ฉันร้องเรียกหาไรอันอย่างสิ้นหวัง แต่เขากลับเบือนหน้าหนีและไม่สนใจฉันเลย

ฉันใจสลายกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนกระทั่งหลายนาทีต่อมา ฉันกำลังเดินตากฝน ตัวสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น และยังคงอยู่ในอาการช็อก

เมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้เขตแดนของพวกไร้ฝูง ฉันรู้สึกได้ว่าสายสัมพันธ์ที่เชื่อมกับฝูงของเลียมได้ขาดสะบั้นลง ฉันทรุดเข่าลงกับพื้นจนจมลงไปในแอ่งน้ำ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มปะปนไปกับน้ำฝน หัวใจหนักอึ้งขณะที่ร่ำไห้ออกมา

ฉันทั้งกลัว ใจสลาย และโกรธแค้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย น่าตลกดีที่ฉันตัดสินใจผิดพลาดมากมายเกี่ยวกับไรอัน แต่สุดท้ายฉันกลับเป็นคนที่ตั้งท้อง ถูกเนรเทศ และกำลังจะกลายเป็นอาหารเย็นของพวกไร้ฝูงแถวนี้

แม้จะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่หัวใจของฉันก็ยังเต้นระรัวเมื่อได้ยินเสียงคำรามของหมาป่าจากด้านหลัง มันเดินเข้ามาหาฉัน ริมฝีปากบนแยกออกขณะที่มันขู่คำรามใส่

ฉันล้มก้นจ้ำเบ้า ถอยหลังคลานหนีไปกลางสายฝนทั้งน้ำตานองหน้า ฉันสาดดินและเศษซากต่างๆ ใส่มันอย่างบ้าคลั่งเพื่อพยายามขับไล่ แต่มันกลับดูเหมือนจะยิ่งโกรธเกรี้ยวขึ้นและกำลังจะกระโจนเข้าใส่ฉันตอนนั้นเองที่มีบางอย่างพุ่งเข้าใส่หน้าผากของมันเต็มๆ และฉันก็ได้แต่มองพร้อมกับกรีดร้องเมื่อร่างของมันล้มลงข้างๆ จนแผ่นดินสั่นสะเทือน

เมื่อรู้ว่ามันตายแล้ว ฉันจึงลุกขึ้นตั้งใจจะวิ่งหนีแต่กลับชนเข้ากับกำแพงอิฐแข็งๆ ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเซถอยหลัง ปัดผมที่เปียกชุ่มออกจากใบหน้า ก่อนจะเงยขึ้นสบตากับดวงตาสีเขียวเย็นเยียบที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน

ดวงตาของฉันเบิกกว้างเมื่อจำเขาได้ในทันที แม้จะมืดและฝนตกหนัก แต่ฉันก็จำดวงตาสีเขียวคู่นั้นได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อัลฟ่าเธน เขาคือศัตรูตัวฉกาจของอัลฟ่าเลียม เป็นที่เกลียดชังและรังเกียจอย่างชัดเจนในฝูงไรน์สโตนส์ทั้งหมดจากเรื่องเล่าขานที่ว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายและกระหายเลือด

และฉันเพิ่งมาเจอเขาเข้า... โดยไม่มีองครักษ์คอยคุ้มกัน ฉันหันหลังกลับ พยายามวิ่งหนีอย่างสิ้นหวัง แต่จู่ๆ เขาก็กระชากข้อมือและดึงฉันเข้าไปหา ฉันกลั้นเสียงกรีดร้องและหลับตาแน่นขณะที่เขาโน้มตัวลงมาสูดดมกลิ่นกายของฉัน เลียที่ข้างลำคอของฉันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระซิบด้วยเสียงคำรามว่า “เมท!”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป